ค้นหา
ภาษาไทย
สินค้าตามประเภท
    เมนู ปิด
    กลับไปทั้งหมด

    ทำไมคุณต้องมีเครื่องสำรองไฟฟ้า UPS

    ทำไมคุณต้องมีเครื่องสำรองไฟฟ้า UPS

    ทำไมคุณต้องมีเครื่องสำรองไฟฟ้า (UPS) ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ทั้งในการทำงานหรือเรื่องอื่นๆ แทบจะไม่เคยมีช่วงไหนเลยที่ไม่มีเครื่องสำรองไฟฟ้า (Uninterruptable Power Supply ,UPS)  เมื่อคุณซื้อคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งแล้วการลงทุนซื้อ UPS เป็นการลงทุนที่สำคัญที่สุดหากคุณสามารถทำได้ ไม่เพียงแต่คุ้มครองฮาร์ดแวร์เท่านั้น แต่ยังช่วยป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดการสูญหายของข้อมูลและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพแก่ผู้ใช้งาน   


    ธรรมชาติจะมีช่วงเวลาหนึ่งของมัน เมื่อกระแสไฟฟ้าในอุปกรณ์ของคุณไม่เสถียร อาจจะมีผลร้ายแรงต่อเครื่องคอมพิวเตอร์และระบบภายในบ้านของคุณ ปัญหาที่พบบ่อยเกี่ยวข้องกับแรงดันไฟฟ้า ได้แก่ ไฟดับ (blackout) ไฟตก (brownout) สัญญาณรบกวน (noise) แรงดันกระชาก (spikes) และไฟเกิน (power surges)
     
    การลงทุนซื้อ UPS

    ก่อนที่เราจะอธิบายถึงประเด็นเกี่ยวกับความผิดปกติของแรงดันไฟฟ้า เรามาดูกันก่อนว่า UPS คืออะไรและทำงานอย่างไร? UPS เป็นอุปกรณ์ทำการสำรองไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องในช่วงเกิดปัญหาไฟฟ้าไม่สม่ำเสมอ UPS สามารถป้องกันข้อมูลและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่ออยู่กับมันได้ ด้วยการปรับแรงดันไฟฟ้าที่ส่งผ่านให้คงที่ UPS มีช่วงขนาดและรูปแบบที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับชนิดอุปกรณ์มีจุดมุ่งหมายต่างกัน เหล่านั้นประกอบด้วยตัว UPS, Surge suppressor และ SPS สิ่งสำคัญต้องรู้จักการใช้งานให้ถูกต้องจะช่วยป้องกันอุปกรณ์ไม่ให้เสียหายได้เป็นอย่างดี
     
    ประเภทของปัญหาทางไฟฟ้าแตกต่างกัน ก่อนหน้านี้ พูดถึงว่า UPS จะช่วยป้องกันปัญหาทั่วไปเกี่ยวกับกระแสไฟฟ้าได้

    • ไฟดับ (blackout) หรือเรียกว่า “ไฟฟ้าขัดข้อง” สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อหม้อแปลงไฟฟ้าขัดข้องหรือสายไฟฟ้าขาด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีการปรับปรุงซอฟต์แวร์เมื่อสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ถ้าคุณใช้ Windows 95 หรือ 98 ก่อนหน้านี้คุณอาจจำได้ว่าเมื่อเกิดไฟดับและเมื่อเริ่มใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์อีกครั้งแล้วเครื่องจะรันทำการทดสอบวินิจฉัย (diagnostic test) ด้วย Windows NT และมีระบบทำให้ไม่เกิดการสูญเสียข้อมูล (Journaling file system) รวมทั้ง Windows กู้คืนจะจากเหตุการณ์ไฟดับให้กลับมาใช้งานเร็วขึ้น
    • ไฟตก (brownout) เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อกระแสไฟฟ้าเกินพิกัด (Overload) หากคุณมีอุปกรณ์ไฟฟ้าจำนวนมากที่เชื่อมต่อและใช้งานในเวลาเดียวกันนี้ อาจทำให้เกิดภาวะไฟฟ้าดับซึ่งทำให้สูญเสียกำลังไฟ ปัญหานี้มักใช้เกิดขึ้นในระยะเวลาสั้น ๆ แต่อาจทำให้อุปกรณ์ของคุณเสียหายได้
    • สัญญาณรบกวน (noise) โดยทั่วไปเกิดจากเหตุการณ์ฟ้าผ่าและสัญญาณรบกวนจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator) ทำให้สัญญาณไฟฟ้าไม่สะอาดส่งผ่านไปยังอุปกรณ์ของคุณ อาจทำให้ระบบปฏิบัติการและโปรแกรมทำงานผิดพลาดและไฟล์ต่าง ๆเสียหายได้
    • แรงดันกระชาก (spikes) เกิดจากแรงดันไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันในช่วงเวลาสั้น ๆ สาเหตุทั่วไปของปัญหานี้คือ ฟ้าผ่าและจากการซ่อมแซมหรือบูรณะหลังจากไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้สิ่งที่ฉันทำตามปกติคือ ถอดปลั๊กอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดออกเมื่อพลังงานไฟฟ้ากลับมาแล้วให้รอสักครู่เพื่อให้แรงดันไฟฟ้าเป็นปกติก่อนที่จะเชื่อมต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าอีกครั้งบริษัทหรือการไฟฟ้ามักจะแจ้งให้คุณทราบก่อนหากมีการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนบำรุงรักษาระบบไฟฟ้า
    • ไฟเกิน (power surges) แรงดันไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเนื่องจากเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน เช่น ตู้เย็น หรือ เครื่องปรับอากาศ แรงดันไฟฟ้าเกินเกิดขึ้นในช่วงสั้น ๆ แต่อาจทำให้ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์เกิดความเสียหายหนักได้


    จะเกิดขึ้นหากคุณไม่ปกป้องอุปกรณ์ของคุณ?
    คุณอาจเคยสังเกตเห็นคำเตือนเกี่ยวกับแรงดันไฟฟ้าที่แตกต่างกัน อย่างเช่น เหตุการณ์ฟ้าผ่าอาจเป็นภัยอันตรายร้ายแรง อันตรายจากฟ้าผ่ามีผลต่ออุปกรณ์ของคุณไหม? เมื่อเกิดฟ้าผ่าทำให้หม้อแปลงไฟฟ้าระเบิด อาจทำให้เกิดกระแสไฟกระชากแรงมาก ซึ่งส่งผ่านยังสายไฟไปที่บ้านของคุณได้ทันที แล้วไฟกระชากจะเข้าไปยังคอมพิวเตอร์ของคุณทางเต้ารับหรือสายส่งข้อมูล ส่วนแรกของพีซีที่มักจะเสียหายก่อน นั่นคือ เมนบอร์ด อันตรายนี้ยังอาจเป็นสาเหตุก่อให้เกิดปัญหาทางไฟฟ้าปัญหาอื่น ๆ ทำให้ชิ้นส่วนต่าง ๆ ของคอมพิวเตอร์ เช่น ฮาร์ดไดรฟ์ และแรม เสียหายอีกด้วย



     

    เลือกระบบป้องกันที่เหมาะสม
    การปกป้องอุปกรณ์ของคุณไม่ใช่ว่าจะสามารถซื้ออุปกรณ์ป้องกันชนิดใดก็ได้มาติดตั้ง มีอุปกรณ์ มากมายที่รองรับในตลาด ซึ่งกำหนดเป้าหมายต่อสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น ที่บ้าน สำนักงาน หรือศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ นี่คือรายการต่าง ๆ ที่คุณควรพิจารณาเมื่อซื้อ UPS ใช้งานที่บ้าน

    • ป้องกันไฟกระชากอย่างสมบูรณ์ โดยกรองแรงดันไฟฟ้าที่ไม่น่าเชื่อถือ ซึ่งอาจทำให้อุปกรณ์เกิดความเสียหายได้
    • การต่อสายไฟผิดปกติ (Site wiring fault) เพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ของคุณได้รับการต่อสายดินอย่างเหมาะสม
    • การกรองสัญญาณรบกวน (Noise filtration) ช่วยป้องกันข้อมูลเสียหาย
    • สำรองไฟฟ้า (backup power) ทันทีหลังเกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าดับ
    • รองรับช่องเสียบ (outlet) 8 ช่อง สำหรับอุปกรณ์ต่าง ๆ ฉันมีคอมพิวเตอร์สองเครื่องใช้งานอยู่ตลอดเวลา อุปกรณ์ UPS บางตัวจะมีการสำรองแบตเตอรี่ไว้ชุดหนึ่ง

    นอกเหนือจากการป้องกันไฟกระชาก ในขณะที่มีช่องเสียบพิเศษที่มีการป้องกันไฟกระชากเท่านั้น สถานการณ์เช่นนี้ฉันจะเก็บเฉพาะอุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดเชื่อมต่อกับเต้าเสียบแบตเตอรี่ของ UPS เท่านั้น

    • UPS ของคุณควรรองรับการป้องกันอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น ระบบเครือข่าย พอร์ตอนุกรม และการเชื่อมต่อข้อมูลด้วย
    • คุณสมบัติต่าง ๆ และฟังก์ชั่นอื่น ๆ ที่ต้องพิจารณาด้วย ได้แก่ ไฟแจ้งเตือนเปลี่ยนแบตเตอรี่, การจัดการแบตเตอรี่, คุณสมบัติที่ชาญฉลาด เช่น การบันทึกและปิดอัตโนมัติ ซึ่งอาจใช้ได้เฉพาะกับโมเดลที่มีราคาแพงเท่านั้น
    • การลงทุนซื้อ UPS เป็นสิ่งสำคัญ ให้แน่ใจว่ามีการรับประกันอายุการใช้งาน ฉันใช้งาน UPS ตั้งแต่ปี 2548 แม้ว่าแบตเตอรี่จะหมดลงเมื่อไม่กี่ปีก่อน แต่ฉันซื้อแบตเตอรี่สำรองได้ในราคาที่ไม่สูงมาก
       

    คอมพิวเตอร์ใช้ส่วนตัวในบ้านมีพัฒนาการหลายปีผ่านมาแล้ว ผู้ใช้บางรายอาจมีเซิร์ฟเวอร์ของตนเองภายในบ้าน รวมทั้งอุปกรณ์อื่น ๆ อย่างเช่นอุปกรณ์ Network Attached Storage (NAS) ดังนั้น การตั้งค่าต่าง ๆ และการลงทุนใน UPS จะต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมถึงความจำเป็นของคุณโดยเฉพาะ เห็นได้ชัดว่าจำเป็นต้องใช้ UPS ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สามารรองรับความต้องการได้
     
    เซิร์ฟเวอร์ Media Server ทำงานคล้าย ๆ กับ File Server ที่ใช้งานในที่ทำงาน ที่คอยบันทึก กู้คืน หรือประมวลผลข้อมูลเหมือนกับการสตรีมมิ่งในสมาร์ททีวีหรืออุปกรณ์มือถือ เหตุการณ์ดังกล่าวอาจทำให้เกิดการสูญเสียข้อมูลอย่างรุนแรงหากเกิดไฟฟ้าดับ สำหรับการติดตั้งระบบข้างต้นคุณควรพิจารณาลงทุนใน UPS ที่มีตัวเลือกต่าง ๆ ด้วย เช่น การเปลี่ยนแบตเตอรี่ ความสามารถในการแลกเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้อย่างรวดเร็ว และคุณสมบัติแบตเตอรี่แบบอัจฉริยะ การผสานเข้ากับเครื่องมือสำรองของคุณเป็นหน้าที่ของ UPS ที่คุณจำเป็นต้องมีการปิดเครื่องอัตโนมัติและการจัดการพลังงาน
     
    การมี UPS จะป้องกันไม่ให้อุปกรณ์ของคุณเสียหาย แต่คาดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวมักเกิดขึ้นจะอยู่นอกเหนือการควบคุมของคุณ การวิ่งไปมาระหว่างห้องครัวเพื่อทำแซนวิชและคุณวิ่งกลับไปที่ห้องทำงานเพื่อปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณช้าเกินไป หากมีตัวเลือกให้ปิดคอมพิวเตอร์อัตโนมัติเพื่อป้องกันข้อมูลสูญหายจะดีมาก คุณสมบัติเหล่านี้มีอยู่ทั่วไปในซอฟต์แวร์ที่มาพร้อมกับ UPS ของคุณ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้ตรวจสอบคุณสมบัติต่อไปนี้

    • ปิดเครื่องอัตโนมัติ
    • แจ้งเตือนการสูญเสียไฟฟ้า
    • คำสั่งปิดระบบที่กำหนดเองได้
    • โหมดอนุรักษ์พลังงาน
    • แจ้งเตือนให้เปลี่ยนแบตเตอรี่
    • เครื่องมือจัดการต่าง ๆ : แสดงสถานะ (status display), เวลาที่ใช้ (runtime), บันทึกเหตุการณ์ (event log), การจัดการระยะไกล (remote management) เช่น จัดการผ่านเว็บ หรือควบคุมคอมพิวเตอร์จากระยะไกล
    • สิ่งแวดล้อม : อุณหภูมิ, ความชื้นสัมพัทธ์

     
    การใช้อุปกรณ์ UPS สำรองไฟฟ้าอย่างเหมาะสม
    การใช้ UPS อย่างมีประสิทธิภาพเป็นเรื่องสำคัญ ฉันยอมรับว่า ต้องเจอกับผู้ใช้งานที่ไร้เดียงสาเป็นประจำ ผู้ใช้บางคนเชื่อว่า UPS สามารถทำงานได้โดยไม่ต้องหยุดเลย หมายถึง คุณสามารถเล่นเสียง ฟังเพลง หรือปล่อยให้คอมพิวเตอร์รันอยู่ตลอดเวลาโดยไม่มีการใช้งาน  อย่าทำเช่นนั้นเลย สิ่งที่คุณควรทำคือใช้โอกาสนี้ปิดอุปกรณ์บ้าง อุปกรณ์ UPS บางรุ่นจะมีกำลังสำรองนานถึง 1 ชั่วโมง ใช้เวลานี้เพื่อปิดสวิตช์เครื่องคอมพิวเตอร์และปิดอุปกรณ์ทั้งหมด
     
    UPS ไม่ใช่เทวดาผู้พิทักษ์สำหรับอุปกรณ์ทั้งหมด อุปกรณ์หนึ่งที่คุณไม่ควรเสียบเข้ากับ UPS เลย คือ เครื่องพิมพ์ การทำเช่นนี้อาจทำให้เครื่องพิมพ์เกิดเพลิงไหม้ได้ เมื่อไฟฟ้ากลับมาเครื่องพิมพ์จะเรียงลำดับงานที่ต้องพิมพ์อีกครั้ง หลีกเลี่ยงป้องกันไฟกระชากเป็นสิ่งที่ดีกว่า
     
    เมื่อคุณเป็นเจ้าของคอมพิวเตอร์ การลงทุนนี้เป็นสิ่งสำคัญและการปกป้องมันควรให้ความสำคัญสูงสุด ต้องขอบคุณ UPS ที่สามารถช่วยป้องกันอุปกรณ์ของคุณจากผลกระทบทั้งจากมนุษย์และภัยพิบัติที่คาดไม่ถึงได้
     
     
    ที่มา: https://www.groovypost.com

    ความคิดเห็น
    แสดงความคิดเห็น ปิด
    *