ปลั๊กหรือหัวสำหรับชาร์จ EV ออกแบบและพัฒนารูปแบบใดขึ้นมาก็ได้ไม่ตายตัวตามแต่ผู้ผลิตต้องการ แต่ทว่าหากรูปแบบที่ผลิตมานั้นไม่ได้รับการยอมรับในตลาดจะทำให้สามารถเติมพลังงานนอกสถานที่ได้ยากหรือเป็นไปไม่ได้ นอกจากนี้การชาร์จพลังงานให้ EV นั้นสามารถแบ่งได้เป็นสองแบบหลัก คือ
- การเสียบปลั๊กชาร์จจากไฟบ้าน ซึ่งโดยมากจะเป็นการชาร์จที่ใช้เวลายาวนาน
- การใช้ตู้ชาร์จหรือสถานีชาร์จ ความเร็วขึ้นอยู่กับความสามารถในกาารจ่ายกำลังไฟและยังขึ้นอยู่กับประเภทหัวชาร์จ EV โดยมากจะมีกำลังไฟที่เสถียรและจ่ายไฟได้มากกว่า
โดยรูปแบบที่นิยมใช้งานเป็นมาตรฐานมีอยู่ 5 รูปแบบหลักได้แก่
- Type 1 รูปแบบหัวชาร์จนี้นิยมใช้ใน EV ของฝั่งอเมริกาและญี่ปุ่น หัวต่อแบบ 5 Pin เป็นการชาร์จแบบ Single Phase จ่ายไฟ 3.7kW
รถที่นิยมใช้ : Chevrolet Spark , Chevrolet Volt , Citroen C-Zero , Ford Focus Electric , Kia Soul EV , Mitsubishi-I Miev , Mitsubishi Outlander Phev , Nissan Leaf 2012 - 2017 , Nissan NV200 SE Van , Peugeot Ion , Renault Fluence , Tata Indica Vista EV , Toyota Prius , Vauxhall Ampera
- Type 2 เป็นรูปแบบที่นิยมใช้สำหรับ EV ในยุโรป สามารถพบได้ทั่วไปตามสถานีชาร์จสาธารณะ เป็นหัวต่อ 7 Pin จ่ายไฟอยู่ที่ 3.7kW แต่ในผู้ผลิตบางรายได้พัฒนาให้เป็นรูปแบบ 3 Phase ทำให้จ่ายไฟได้ถึง 22kW และมีเพียง Tesla เท่านั้นที่มีการใช้ Type 2 แบบ DC โดยตามเอกสารนั้นสามารถจ่ายไฟได้ถึง 130kW
- CHAdeMO CHAdeMO นั้นเป็นหัวจ่ายไฟ EV ที่จัดอยู่ในกลุ่มที่สามารถชาร์จได้อย่างรวดเร็ว เป็นการจ่ายไฟโดยระบบ DC พบมากในสหราชอาณาจักร จ่ายไฟได้สูงถึง 50kW
- Combined Charging System (CCS Combo) CCS Combo นั้นเป็นหัวชาร์จที่มีกำลังสูง ถือเป็นการชาร์จแบบ DC ที่ได้รับความนิยมเป็นมาตรฐานทั่วไป จ่ายไฟได้สูงถึง 50kW และในอนาคตอันใกล้จะสามารถจ่ายไฟได้ 150kW
- ปลั๊กไฟต่อตรง การเสียบชาร์จโดยตรงกับไฟบ้านนั้นเป็นระบบการชาร์จพื้นฐานที่ทุกค่ายมีมาพร้อมกับรถ แน่นอนว่าข้อดีคือต้นทุนต่ำ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยระยะเวลาในการชาร์จที่ยาวนานเหลือหลาย โดยสามารถจ่ายไฟได้ประมาณ 2.3kW